SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรกับการทำการตลาด

SEO คืออะไร

เลือกอ่านตามหัวข้อ

และในยุคการตลาดออนไลน์ ที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว คงไม่มีใคร ไม่ทำการเสิร์ชข้อมูลสินค้าและบริการที่ตัวเองกำลังสนใจบนอินเทอร์เน็ตใช่ไหมหละ

และการจะทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก (Top 10) ได้นั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ การทำ SEO

ซึ่งบทความนี้จะบอกเกี่ยวกับความหมายและความสำคัญ พร้อมรายละเอียดทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ หากสนใจที่จะทำการตลาดบนเว็บไซต์

Search Engine Optimization หรือ SEO

SEO คืออะไร

Search Engine Optimization หรือ ที่เรียกย่อๆว่า SEO คือ การปรับภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แสดงผลบน Google อันดับแรกๆ อยู่เหนือคู่แข่งทางการค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์ของคุณ และการรับรู้ถึงสินค้าและบริการที่คุณขาย

โดยหากเว็บไซต์ติดหน้าแรก (Top 10) และมีอันดับอยู่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่คนจะเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสขายสินค้า-บริการได้มากกว่าเดิม

“จุดเด่นของ SEO” คือ เป็นการทำให้ติดหน้าแรกแบบไม่เสียเงิน (Organic) ซึ่งต่างการจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาให้ติดหน้าแรก (Paid) อย่างการยิงแอด Google หรือทำ SEM (Search Engine Marketing)

SEO SEM คือ

สำหรับความแตกต่างระหว่าง Organic กับ Paid นั้น สามารถอ่านได้จากบทความนี้ https://bit.ly/483bRnZ

การทำ SEO สําคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไร ?

โดยจะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจของคุณ ดังนี้

  • ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้คนมากขึ้น หากทำสำเร็จ แบรนด์ สินค้า หรือบริการ จะเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ การที่เว็บไซต์ติดอันดับบน ๆ ของหน้าผลการค้นหา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Google มองว่าหน้าเว็บนั้นปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ของธุรกิจที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์
  • ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปัจจุบัน หลายบริษัทหันมา โปรโมตสินค้า บริการ หรือแบรนด์บน Google กันมากขึ้น ซึ่งถ้าคู่แข่งของคุณทำ คุณก็ควรทำด้วย เพื่อเพิ่มแต้มต่อด้านการตลาดออนไลน์
  • ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย กระตุ้นยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ และหากเว็บไซต์มีคอนเทนต์หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผู้ชมเว็บไซต์ก็มีแนวโน้มจะเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น และอาจสร้างยอดขายสินค้าหรือบริการที่ขายอยู่ในเว็บไซต์ได้
seo มีกี่ประเภท

ที่มา : https://www.semrush.com/blog/types-of-seo/

SEO มีกี่ประเภท ?

สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ นั้นก็คือ On-Page SEO, Off-Page SEO, Technical SEO และ Local SEO ซึ่งแต่ละประเภทคืออะไรบ้าง ดังนี้

1.On-page SEO

On-page SEO เป็นการปรับแต่งเนื้อหาต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิองค์ประกอบส่วนต่าง ๆ เช่น Title Tags, Meta Description, Featured image, Alt text, Keyword, URLs, Internal Link, Outbound link ฯลฯ เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google

2.Off-page SEO

Off-page SEO เป็นปรับปรุงประสิทธิภาพโดยอาศัยปัจจัยภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิของเว็บไซต์และความน่าเชื่อถือ เช่น การทำ Backlink จากเว็บต่างๆกลับหาเรา , การโปรโมทแบรนด์ผ่าน Influencer, การแชร์ลิงก์บนสื่อโซเชียลมีเดีย, การเขียนคอนเทนต์ให้ถูกกล่าวถึง และอีกมายมายที่ส่งผลต่อการเพิ่มความน่าเชื่อถือ

3.Technical SEO

Technical SEO เป็นเทคนิคการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ Google ส่ง Bot มารวบรวมข้อมูลเพื่อจัดลำดับได้ง่ายขึ้น โดยการทำมีอยู่หลายวิธี เช่น การส่ง XML sitemap, robot.txt, การทำให้ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed), การแก้ไขลิงค์เว็บไซต์ที่เสีย หรือเข้าไม่ได้, การปรับแต่งการแสดงผลบนหน้าจอมือถือที่ดี (Mobile-friendly) และอื่น ๆ

4.Local SEO

Local SEO เป็นปรับปรุงเว็บไซต์ ร้านค้าหรือธุรกิจ ที่ต้องการลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ให้พบเจอได้ง่ายขึ้น เช่น การสร้างโปรไฟล์ธุรกิจ Google My Business การทำ Local Citation Listing ฝากข้อมูลเว็บไซต์หรือบริการของคุณบนเว็บไซต์ต่างๆ , การทำ Long Tail Keyword ให้ติดคำค้นหาบริเวณพื้นที่ของคุณ และค่อยๆกระจาย Keyword ไปยังพื้นที่รอบๆ เป็นต้น

Local SEO ทำ Google My Business

สถิติที่เกี่ยวกับการทำการตลาดผ่าน Search Engine

สถิติที่เกี่ยวข้อง มีดังต่อไปนี้

  • 68% ของประสบการณ์ออนไลน์ เริ่มต้นจาก Search Engine
  • 53.3% ของยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ มาจาก Organic Search ผลการค้นหาบนหน้า Google ที่ไม่ใช่โฆษณา
  • 92.96% ของยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ทั่วโลก มาจาก Google Search, Google Images และ Google Maps
  • ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ ได้มากกว่าใช้โซเชียลมีเดีย
  • หน้าเว็บไซต์เพียง 5.7% เท่านั้น ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 1-10 เมื่อค้นหาด้วย Google ภายในปีแรกที่ถูกเผยแพร่
  • ช่วยเพิ่มอัตราปิดการขายได้ราว ๆ 14.6%
  • จำนวนการค้นหาด้วย Google ภายใน 1 วัน คือประมาณ 3.5 พันล้านครั้ง
วิธีทำ SEO

วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรกบน Google ต้องทำอย่างไร

โดยมาก การเข้าชมเว็บไซต์มักจะเริ่มมาจากการค้นหาผ่าน Google ผ่านคำค้นหาบ้างอย่างที่เขาสนใจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์อยากให้ผู้คนเข้าถึงเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอเป็นจำนวนมาก ซึ่งมี วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรกบน Google ได้หลากหลายวิธี

ทั้งนี้ เทคนิค SEO ขั้นพื้นฐาน เบื้องต้นสำหรับมือใหม่ หากอยากติดหน้าแรกบน Google มีดังนี้

1. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ใช่

คีย์เวิร์ด หรือคำค้นหา ที่ปรากฏบนเว็บไซต์หรือในคอนเทนต์บนเว็บไซต์ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ Google จัดอันดับเว็บไซต์ให้อยู่ในลำดับที่สูงขึ้นได้ 

ทั้งนี้ คีย์เวิร์ดที่ใช้ควรสอดคล้องกับแบรนด์หรือเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการเสนอ รวมถึงมี ปริมาณยอดค้นหา (Search Volume) ที่มากพอ โดยจำนวนดังกล่าวนั้น สามารถดูได้จากเครื่องมืออย่าง Google Trends, Ubersuggest และ Ahrefs

2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์

ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และลักษณะที่ต่อผู้งานและ Google สามารถเข้าใจเนื้อหาภายในได้ง่านน และอยากจัดให้อยู่ในลำดับบน ๆ เมื่อค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เช่น มีโครงสร้างที่อ่านเข้าใจง่าย โหลดไว มีจัดลำดับหัวข้อที่ชัดเจน

การทำ SEO Mobile Responsive

3. ออกแบบให้เว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลหลายหน้าจอ

Google มักจัดเว็บไซต์ลักษณะต่อไปนี้ให้อยู่ลำดับบน ๆ เมื่อค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง

  • มีหน้าเว็บไซต์น่าสนใจ ใช้งานง่าย ตอบสนองต่อประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน
  • มีตัวอักษณขนาดเหมาะสม อ่านง่าย ไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไป
  • โหลดเร็ว ใช้งานง่าย เป็นระเบียบเรียบร้อย
  • รองรับการแสดงผลทุกขนาดหน้าจอโดยเฉพาะบนมือถือ หรือ Mobile-friendly

4. สร้างคอนเทนต์คุณภาพ

เว็บไซต์ที่ Google จัดให้อยู่ในลำดับบน ๆ คือเว็บไซต์ซึ่งคอนเทนต์มีลักษณะดังต่อไปนี้

  • อ่านเข้าใจง่าย
  • โครงสร้างเป็นระบบเข้าใจง่าย
  • ปราศจากคำผิด
  • ไม่ลอกเลียนเนื้อหาจากเว็บอื่น
  • มีการอัพเดตสม่ำเสมอ
  • มีคีย์เวิร์ดไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป 
EEAT และ YMYL

ที่มา : semrush.com

นอกจากนี้ คอนเทนต์คุณภาพ ยังต้องมีคุณสมบัติสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ EEAT ของ Google ซึ่งย่อจาก Experience (ประสบการณ์ของผู้เขียน) ความเชี่ยวชาญ (Expertise) อิทธิพลของเว็บไซต์หรือผู้เขียน (Authoritativeness) และความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness)

และเราขอเสริมสักนิดว่า คอนเทนต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเงินและชีวิต หรือ YMYL (Your Money or Your Life) จะถูกจัดอันดับด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไป เพราะ Google เห็นว่าคอนเทนต์แบบนี้ สามารถส่งผลร้ายต่อสุขภาพ การเงิน และความปลอดภัยของผู้อ่านได้

ผลการศึกษาของ HubSpot ซึ่งอัพเดตในปี 2022 ระบุว่า การทำเนื้อหาคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ทำให้องค์กรต่าง ๆ มียอดการเข้าถึงที่สูงขึ้นราว 55% และมีหน้าเว็บในฐานข้อมูลของ Search Engine ที่มากขึ้นถึง 434%

5. ทำ Backlink 

Backlink หมายถึง มีลิงก์ย้อนกลับที่กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์ ให้อยู่อันดับบน ๆ ของ Google

ทั้งนี้ Backlink ที่มีคุณภาพ ควรมาจากเว็บไซต์ซึ่งน่าเชื่อถือ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บที่ต้องการทำ Backlink และยอดการเข้าชมเว็บไซต์อยู่จริง

SEO

ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น จะเห็นว่ามีสำคัญต่อธุรกิจ เนื่องจากเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมทั้งช่วยเพิ่มยอดขายของสินค้าและบริการได้

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การตลาด แบบนี้ มีการแข่งขันที่สูง และเมื่อทำสำเร็จแล้วก็ใช่ว่าความลำบากจะหมดไป เพราะ การจัดอันดับบน Google นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กล่าวคือ หน้าเว็บที่ติดอันดับบน ๆ ของหน้าแสดงผลการค้นหา สามารถตกอันดับได้เสมอ หากไม่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ตรงตามหลัก อย่างต่อเนื่อง จึงควรติดตามข้อมูลข่าวสาร, เทรนด์ในทุกๆปี ว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางไหน เพื่อให้ติดอันดับ Google ได้

ดังนั้น เพื่อให้หน้าเว็บอยู่ในอันดับบนอยู่เสมอ ธุรกิจจึงควรจ้างเอเจนซี่ รับทำ SEO อย่าง THE TEPCO ให้ช่วยดูแลเว็บไซต์

บทความอื่น ๆ
DA ย่อมาจาก Domain Authority เป็น ตัวเลขที่บอกว่าเว็บเรามี ค่าความน่าเชื่อถือของโดเมน มากน้อยแค่ไหน
Ahrefs โปรแกรมทำ SEO สุดฮิต มี AI เขียนบทความ SEO ได้ด้วย
รู้รึเปล่า? การกิน ป๊อปคอร์น ทำให้เราจำชื่อแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ยากขึ้น
การตลาดออนไลน์ Digital marketing Thetepco

หากสนใจ
บริการของเรา

การตลาดออนไลน์ เวลาทำการ

เวลาทำการ

จันทร์ – ศุกร์

10:00 น. – 19:00 น.

Copyright © 2023 THE TEPCO Co.,Ltd. All Rights Reserved.

Scroll to Top

ให้ เดอะเท็ปโค่ พาคุณไปสู่เป้าหมายทางธุรกิจ

เราจะทำการตอบกลับให้เร็วที่สุด