SEO และ SEM เป็นวิธีเพิ่มยอดเข้าชมและยอดขายผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งหลายบริษัทนิยมใช้กัน ซึ่งข้อแตกต่างสำคัญระหว่าง SEO vs SEM นั้นจำง่ายๆ SEO คือ การติดหน้า Google แบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา ในขณะที่ SEM คือ การติดโฆษณา โดยจ่ายเงินให้กับทาง Google นั้นเอง
ทั้งสองตัวนี้ยังมีรายละเอียดอีกหลายข้อที่ต่างกัน และในบทความนี้ เราจะมาลงรายละเอียดเรื่องความแตกต่างกัน รวมถึงบอกว่า SEO กับ SEM มีจุดเด่น-จุดด้อยอะไร และเหมาะกับใคร
SEO คืออะไร ?
Search Engine Optimization หรือ SEO คือ การทำให้หน้าเว็บถูกค้นเจอ เมื่อทำการค้นหาในหน้าของ Google
ในทางปฏิบัติ การทำ SEO สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่คนอยากรู้และค้นหาบน Google รวมถึงการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google
ทำ SEO มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?
การทำ SEO มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
- ช่วยเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่าการทำ SEM
- ช่วยเพิ่มยอดขายผ่านเว็บไซต์ได้
- เมื่อทำสำเร็จแล้ว จะเห็นผลได้ในระยะยาว
- ไม่เสียเงิน
ข้อเสีย
- ใช้เวลาอย่างน้อยขั้นต่ำ 3 เดือนเพื่อให้เห็นผล
- ต้องมีความรู้และความเข้าใจเรื่อง SEO
- มีขั้นตอนปฏิบัติที่ยากกว่า SEM
- การแข่งขันสูงกว่า SEM
SEM คืออะไร?
SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing และถ้าอธิบายให้ง่ายที่สุด SEM คือ การจ่ายเงิน เพื่อทำให้หน้าเว็บไปปรากฏอยู่ในหน้าค้นหาของ Google
ในทางปฏิบัติ SEM เริ่มต้นจากการเลือก Keyword (คำหรือประโยคที่คนนิยมค้นหาผ่าน Google) ก่อน เช่นเดียวกับการทำ SEO จากนั้นเมื่อได้ Keyword แล้ว ก็ต้องประมูล ราคาต่อคลิก (Pay Per Click หรือ PPC) ของ Keyword นั้น ๆ ผ่าน Google โดยราคาของแต่ละ Keyword จะไม่เท่ากัน และถ้าประมูลสำเร็จ เว็บไซต์ก็จะไปโผล่ในหน้าค้นหาของ Google ทันที และเมื่อเว็บไซต์ถูกคลิก คุณก็จะถูกหักเงินตามราคาที่ประมูลไว้
ทำ SEM มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?
การทำ SEM มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
- ช่วยเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์ และอาจทำให้ยอดขายทางเว็บไซต์สูงขึ้น
- เห็นผลไว ทำแล้วเจอเว็บไซต์ในหน้าแรกของ Google ในทันที
ข้อเสีย
- ใช้เงินเยอะ โดยเฉพาะเมื่อต้องการทำ SEM กับ Keyword ที่คนนิยมใช้กัน
- ใช้เวลาระยะหนึ่งในการเซ็ตระบบ หรืออาจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์สม่ำเสมอ เพื่อให้การทำ SEM ประสบความสำเร็จ
- มี Keywords ต้องห้าม ไม่ควรใช้ เพราะเมื่อทำแล้วลิงก์ของเว็บที่อยากโปรโมตจะถูกแบน
SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร เลือกใช้อันไหนดี?
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงพอเข้าใจแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียยังไง แต่คำถามสำคัญคือ จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองควรใช้แบบไหน เราขอแนะนำว่า การเลือกใช้ SEO และ SEM ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
1. งบประมาณของคุณ
การทำ SEM จะใช้เวลาประสบความสำเร็จที่สั้นและง่ายกว่า SEO แต่กลับกัน SEM ก็เปลืองงบกว่า ดังนั้น ถ้างบคุณไม่เยอะ ก็ควรเลือกทำ SEO เพื่อหวังผลระยะยาวแทน SEM
2. ความต้องการของคุณ
SEO และ SEM จะทำเพื่อเพิ่มยอดคนเข้าเว็บไซต์เหมือนกัน แต่เหมาะทำในบริบทที่แตกต่างกัน ถ้าต้องการเพิ่มยอดขายแบบเร่งด่วน หรืออยากนำเสนอโปรโมชั่นผ่านเว็บไซต์ SEM คือคำตอบของคุณ
ตรงกันข้าม ถ้าคุณต้องการยอดขายในระยะยาว คุณก็ควรทำ SEO เพราะการทำ SEM ในระยะยาวมีค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับบางบริษัทเท่านั้น
3. ความพร้อมของคุณ
โดยพื้นฐานแล้ว การทำ SEO ทำได้หลายวิธี ทุกคนสามารถทำเองได้ แต่คนทำ SEO คงไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว หรือก็คือคนที่แข่งกันขึ้นหน้าแรกของ Google นั้นมีจำนวนมหาศาล เพื่อให้การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ผู้ทำ SEO จึงต้องมีความรู้ด้าน SEO พอสมควร และต้องมีเวลาดูแลระบบ SEO ด้วย
แต่ในส่วนของ SEM นั้นทำง่ายกว่า ต้องการความเชี่ยวชาญและใช้เวลาลงมือทำน้อยกว่า ดังนั้น จึงเหมาะกับคนที่ไม่อยากเสียเวลาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะ มีเวลาลงมือดูแลระบบน้อย รวมถึงมีงบประมาณมากพอ
4. ยอดขายที่คาดว่าจะได้กลับมา
หากยอดขายที่จะได้กลับมาคุ้มค่ากับการทำ SEM หรือราคาต่อคลิก คุณก็ควรเลือกทำ SEM แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะได้ยอดขายเยอะ หรือราคาสินค้าที่ขายถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาต่อคลิก การทำ SEO ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
SEM กับ SEO เป็นวิธีเพิ่มยอดเข้าถึงเว็บไซต์ รวมถึงยอดขายจากเว็บ ที่หลาย ๆ บริษัทนิยมใช้กัน
และสำหรับคนที่สนใจทำ SEO และ SEM แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง หรืออ่านข้อมูลจากเน็ตแล้วไม่เข้าใจ THE TEPCO ยินดีให้คำแนะนำ โดยเราเป็นเอเจนซี่การตลาดออนไลน์ ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการมากกว่า 10 ปี ที่ให้บริการ รับทำ SEO และ ทำ SEM ก็เป็นสิ่งที่เรามีประสบการณ์และเชี่ยวชาญทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ และนอกจากรับให้คำปรึกษาแล้ว เรายังรับวางแผนกลยุทธ์ให้กับบริษัทมากมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจด้วย