การทำการตลาดออนไลน์แบบ Performance Marketing เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เป็นการทำโฆษณาออนไลน์ ที่สามารถวัดผลลัพธ์ได้ จึงนิยมจ้างเอเจนซี่ในการทำโฆษณาแบบนี้ให้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจ และบทความนี้จะบอกเล่าถึง ข้อดีของการตลาดแบบนี้ ให้ทุกคนได้รับรู้กัน
Performance Marketing คืออะไร
Performance Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่เน้นไปที่ผลลัพธ์ โดยสามารถวัดผลได้จริง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ด้วยเมทริกซ์ (Metrics) ต่างๆ เช่น ROI, ROAS และ CPA/CPL เป็นต้น
โดยวัดผลลัพธ์ที่นิยมใช้กัน ตัวอย่างเช่น ผลตอบแทนที่ได้ (ROI) ,การคลิกโฆษณา (CPC), การกรอกแบบฟอร์ม (CPL), การซื้อสินค้า (CPA) หรือ การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน (CPI) เป็นต้น
โดยการเป้าหมายทางธุรกิจ ของแคมเปญโฆษณาออนไลน์แบบนี้ ก็เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ เช่น ได้ลูกค้า (Lead) ,อัตราการซื้อ (Conversion), ยอดขาย (Sale) นั้นเอง
ข้อดีของ Performance Marketing ต่อธุรกิจ
ข้อดีของการตลาดแบบนี้ มีหลายประการ ดังนี้
ช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้เป็นวงกว้าง
โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการร่วมกับ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ อื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพ
มีอัตราส่วนของยอดขายต่อคลิก ที่สูง
โดยผลรายงานของ Digital 2020 ระบุว่า ผู้คนร้อยละ 27 ค้นพบแบรนด์หรือสินค้าใหม่ ๆ ทางโฆษณาออนไลน์ ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย หรือที่เราเรียกว่า การตลาดแบบ Social Media Marketing ในอัตราที่สูง
ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทำ การตลาดออนไลน์ สำหรับคนงบน้อย
เนื่องจากแพลตฟอร์มออนไลน์ จะคิดเงินค่าโฆษณาตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หรือผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจริง ทำให้กะเกณฑ์ก่อนทำ การตลาดโฆษณาได้ว่าจะใช้เงินจำนวนมากหรือน้อยเพียงไร
วัดผลได้อย่างชัดเจน ด้วยเครื่องมือของแพลตฟอร์มต่างๆ
ซึ่งต่างจากการโฆษณาออนไลน์ แบบดั้งเดิม ที่ปราศจากเครื่องมือวัดผลที่น่าเชื่อถือได้ ทำให้แบรนด์หรือนักการตลาดไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่าที่ลงทุนไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่
การตลาดแบบ Performance Marketing คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร
รูปแบบการคิดค่าการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่าง ๆ มีอยู่หลายรูปแบบ ตามนี้
- Cost Per Mille (CPM) บางครั้งเรียกว่า “Cost Per Thousand Impressions” หมายถึง การคิดเงินโดยแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อโฆษณาที่ลงไว้บนแพลตฟอร์มมีผู้เห็น (Impresions) ครบ 1,000 ครั้ง
- Cost Per Click (CPC) ที่นิยมเรียกกันว่า “ต้นทุนต่อคลิก” หมายถึง การคิดเงินโดยแพลตฟอร์มออนไลน์เมื่อโฆษณาถูกคลิก โดยทั่วไป การคิดเงินแบบนี้จะพบเมื่อทำการโฆษณาออนไลน์ผ่านการยิงแอดโฆษณา ทาง Social Media หรือ Search Engine เช่น Google ,Facebook
- Cost Per Action (CPA) หรือที่เรียกกันว่า “ต้นทุนต่อการได้ลูกค้า” หมายถึง การคิดเงินโดยแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อผู้เห็นโฆษณาและกระทำการบางอย่างตามที่ผู้ทำโฆษณากำหนดไว้ เช่น การกดดาวน์โหลด, กด Subscribe, กดซื้อสินค้าหรือบริการ
- Cost Per Leads (CPL) หรือที่นิยมเรียกว่า “ต้นทุนต่อโอกาสในการขาย” หมายถึง การคิดเงินโดยแพลตฟอร์มออนไลน์ หากโฆษณาบนแพลตฟอร์มทำให้ผู้พบเห็น สนใจกรอกข้อมูลแบบฟอร์มหรือลงทะเบียน เพื่อผลประโยชน์บางประการซึ่งนักการตลาดคิดเอาไว้
- Cost Per Sales (CPS) หรือบางครั้งเรียกว่า “Pay Per Sale” หมายถึง การคิดเงินโดยแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อโฆษณาที่ลงไว้นำไปสู่การซื้อสินค้าหรือบริการ
แพลตฟอร์ม ที่ THE TEPCO รับทำการตลาดแบบ Performance Marketing มีอะไรบ้าง
แพลตฟอร์มโฆษณา ซึ่ง THE TEPCO รับทำโฆษณาออนไลน์ ในรูปแบบ Performance Media ให้ มีดังนี้
Facebook Ads
จุดเด่นของ การโฆษณา Facebook คือ คุณสามารถเลือก ยิงแอด Facebook ได้ตามกลุ่มเป้าหมาย (Facebook Ads Objective) หรือตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เช่น เพื่อสร้าง Awareness, Consideration หรือ Conversion เป็นต้น
ยิ่งกว่านั้นการยิงแอด Facebook มีรูปแบบการโฆษณา ที่หลากหลาย จึงเอื้อต่อการสร้างสรรค์ไอเดียโฆษณาแบบปราศจากข้อจำกัด
Google Ads
สำหรับ การทำโฆษณา Google Ads นั้น จะเป็นการทำการตลาดผ่านบริการในเครือของ Google อย่างการทำ Search Engine Marketing หรือ SEM คือ การจ่ายเงิน เพื่อซื้อโฆษณาให้เว็บไซต์ไปอยู่บนหน้าแรก เมื่อค้นหาบน Google Search
Instagram Ads
Instagram เหมาะกับแบรนด์ซึ่งต้องการโฆษณา บุกตลาดคนรุ่นใหม่ หรือต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ด้วยภาพและวิดีโอที่ดูทันสมัย กระชับรวบรัด นำเทรนด์ โดยในปี 2023 ระบุว่า Instagram Ads เข้าถึงคนไทยได้ราว ๆ 17.35 ล้านคน
Youtube Ads
Youtube เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เข้าถึงคนได้มากที่สุดในโลก โดยปี 2023 จำนวนผู้เข้าใช้ Youtube ชาวไทยมีจำนวนมากถึง 43.90 ล้านคนโดยประมาณ ดังนั้น การยิงแอดโฆษณา Youtube หรือ Youtube Ads จึงมียอดการเข้าถึงที่สูง และสามารถสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้างได้
LINE Ads
LINE เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ยอดนิยมของคนไทย ทั้งนี้ LINE เปิดโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ด้วย การยิงแอดโฆษณา ทาง Line หรือ LINE Ads โดย LINE เป็นแพลตฟอร์มที่เก็บฐานลูกค้าได้เป็นอย่างดี และเป็นประโยชน์ต่อการสร้างการรับรู้แบรนด์ การเพิ่มยอดผู้ติดตาม รวมถึงการปิดการขาย
ทั้งนี้ LINE มีผู้ใช้งานชาวไทยเกินกว่า 53 ล้านคน จึงเหมาะสำหรับกระตุ้นยอดขายในไทยเป็นอย่างมาก
Tiktok Ads
TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเผยแพร่วีดีโอขนาดสั้น (Short Video) ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
การยิงแอด Tiktok หรือ TikTok Ads ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างได้ โดยเฉพาะเมื่อสามารถทำให้วีดีโอเป็นไวรัล หรือถูกแชร์โดยผู้ใช้จำนวนมากได้
ในปี 2022 TikTok จัดเป็นแอปพลิเคชันที่มียอดดาวโหลดสูงสุดในโลก และในเดือนเมษายน ปี 2023 ผู้ใช้งาน TikTok ชาวไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวนทั้งสิ้น 41.1 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก
การโฆษณาออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จ ควรเริ่มต้นอย่างไร
การโฆษณาออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จ ควรเริ่มต้นโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
1. วางแผน ทำโฆษณา
ก่อนทำแคมเปญโฆษณา แบรนด์หรือนักการตลาดควรกำหนดเป้าหมายของแคมเปญใช้ชัดเจนเสียก่อน
โดยทั่วไป แบรนด์หรือนักการตลาดมักตัดสินใจทำแคมเปญด้วยเป้าหมายเหล่านี้
- สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์
- เพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์
- สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์
- เพิ่มยอดผู้สนใจ หรือผู้ที่อาจกลายเป็นลูกค้าในอนาคต
- สร้างยอดขาย
2. เลือกช่องทางทำการตลาด
ในการทำโฆษณา แบรนด์หรือนักการตลาด ควรเลือกช่องทางการตลาด ซึ่งสัมพันธ์กับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญ (และหากไม่ทราบพฤติกรรมของพวกเขา ก็ควรศึกษาให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อลดโอกาสล้มเหลวหลังจากทำแคมเปญ)
ทั้งนี้ แบรนด์หรือนักการตลาดไม่ควรทำการตลาด เพียงช่องทางเดียว เพราะการทำการตลาดครั้งละหลายช่องทาง จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแคมเปญได้ในจำนวนมากกว่า และยังเพิ่มโอกาสให้แคมเปญประสบความสำเร็จได้สูงกว่าด้วย
3. การเตรียมคอนเทนต์ การโฆษณา
เช่นเดียวกับช่องทางการตลาด คอนเทนต์หรือเนื้อหา รวมถึงรูปแบบของการโฆษณา ก็ควรสอดคล้องกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายด้วย เพื่อสารที่ต้องการสื่อออกไปเข้าถึงหรือตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และเหนี่ยวนำให้แคมเปญเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจเท่าที่จะเป็นไปได้
4. ตั้งงบการตลาด
หลังทราบแล้วว่าจะ ทำการโฆษณา ผ่านทางช่องทางไหน และในรูปแบบใด แบรนด์หรือนักการตลาด ต้องวางงบการตลาด โดยอ้างอิงจากเป้าหมายที่อยากให้เป็น รวมถึงเรทราคาที่แตกต่างกันเมื่อทำการตลาดในแต่ละรูปแบบ
5. ติดตามผลของการทำแคมเปญ การโฆษณา
หลังจากทำแคมเปญแล้ว แบรนด์หรือนักการตลาด ควรใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดต่าง ๆ เพื่อติดตามและวิเคราะห์ความสำเร็จของแคมเปญอย่างต่อเนื่อง และหากพบความผิดพลาดระหว่างทำแคมเปญ ก็ควรรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อให้แคมเปญสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ประเมินผลและหาแนวทางปรับเปลี่ยน
โดยหลักการแล้ว ไม่มีใครบอกได้อย่างแน่ชัดว่าแคมเปญหนึ่งจะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าไว้ หรือแคมเปญหน้าจะประสบความสำเร็จเหมือนแคมเปญนี้ ดังนั้น การสรุปและทบทวนผลลัพธ์ของแคมเปญจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสามารถบอกได้ว่าทำไมแคมเปญหนึ่งถึงประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว และควรทำอย่างไรให้แคมเปญครั้งหน้าให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
หากอยากประสบความสำเร็จใน การทำโฆษณาออนไลน์ THE TEPCO รับทำโฆษณาออนไลน์ ในรูปแบบ Performance Marketing ที่ช่วยให้ การโฆษณาออนไลน์ บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Google ,Youtube, LINE ฯลฯ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ