หลายคนคงพอจะทราบว่า Google มีแพลนจะเพิ่มฟีเจอร์ Generative AI ใน Search Engine โดย AI ดังกล่าว มีชื่อว่า Search Generative Experience หรือที่เราเรียกว่า Google SGE ฟังก์ชันอันแพรวพราวของมัน จะช่วยให้การหาข้อมูลผ่าน Google ง่าย และได้ข้อมูลที่ครบถ้วนยิ่งกว่าเดิม
ที่สำคัญ Google SGE ยังคาดว่าจะมีผลต่อ การทำ SEO ด้วย ดังนั้น เจ้าของแบรนด์หรือฝ่ายการตลาด จึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่นี้
![Google SGE คือ](https://thetepco.com/wp-content/uploads/2023/09/SGE-1-1024x625.png)
Search Generative Experience (SGE) คืออะไร
Search Generative Experience (SGE) คือ ระบบสนับสนุนการค้นหาด้วยเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งทาง Google นำมาใช้ประโยชน์รวมกับ Search Enigine ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้ใช้ ในการค้นหาข้อมูลบน Google ที่มีแพลนจะเปิดให้ทุกคนใช้งานกันในอนาคต
โดยฟีเจอร์นี้ จะช่วยตอบคำถามผู้ใช้งาน รวมถึงสรุปประเด็นสำคัญ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปอ่านข้อมูลตามเว็บเลย
Google SGE หน้าตาเป็นยังไง
Search Generative Experience จะทำให้การค้นหาข้อมูลผ่าน Google ง่ายและแถมได้ข้อมูลที่ครบถ้วนยิ่งกว่าเดิม ด้วยแถบแสดงผลแบบใหม่ (หรือ SGE Snapshot) ด้านบนสุดของหน้าแสดงผลการค้นหา ซึ่งแสดงผลได้หลายรูปแบบ และมีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้
![Search Generative Experience (SGE) คือ](https://thetepco.com/wp-content/uploads/2023/09/SGE-2-1024x641.png)
- ข้อมูลย่อ ๆ ของสิ่งที่คุณค้นหา ซึ่ง AI จะสรุปหรือดึงมาให้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
- เว็บไซต์อ้างอิง หรือแหล่งข้อมูลที่ Google นำมาใช้สรุปคำตอบ
- คำถามเพิ่มเติม ในลักษณะของปุ่มกดหรือการสนทนา ซึ่งพอกดแล้ว AI จะคิดคำตอบให้
- ช่องแชท ที่เราสามารถพิมพ์คำถามเข้าไป เพื่อให้ AI คิดคำตอบให้เราได้
- รายชื่อสินค้าหรือบริการ พร้อมราคาและรายละเอียด หากคุณเสิร์ชหาสินค้าบางอย่าง
![SGE snapshot](https://thetepco.com/wp-content/uploads/2023/09/google-sge-hotels-expand-1024x918-1.jpg)
ยังไงก็ตาม SGE จะไม่ทำงานเมื่อคุณเสิร์ชหาข้อมูลในประเด็นที่ละเอียดอ่อน รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือชีวิต หรือที่ทาง Google เรียกว่า YMYL (Your Money Your Life)
Google SGE จะส่งผลต่อ การทำ SEO ยังไง
หนึ่งในคำถามซึ่งบางคนอยากรู้ คือ Search Generative Experience จะส่งผลต่อ การทำ SEO หรือไม่? และอย่างไร?
ตามความเห็นของเรา SGE จะส่งผลต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน แต่ในลักษณะใดนั้น คงพูดได้ยาก เพราะระบบยังอยู่ในขั้นทดลอง และสิ่งที่เราพอจะรู้ในตอนนี้
1. คนมีแนวโน้มจะเลื่อนดูผลการค้นหาต่าง ๆ น้อยลง
แถบแสดงผลแบบใหม่ มีขนาดใหญ่กินพื้นที่ของหน้าแสดงผลการค้นหาส่วนบน แถมยังสามารถให้คำตอบที่คนอยากรู้ได้อย่างครบถ้วน ผ่านข้อมูลย่อ ๆ ปุ่มถามคำถาม รวมถึงช่องแชท คนจึงมีแนวโน้มจะเลื่อนลงไปหาข้อมูลจากเว็บต่าง ๆ น้อยลง กลายเป็นว่าอันดับ SEO ไม่ได้มีความสำคัญเท่าเมื่อก่อน
2. Featured Snippet จะหมดความสำคัญ
Featured Snippet คือ ข้อมูลจากเว็บไซต์ ที่ Google ดึงมาแสดงผลด้านบนสุดของหน้าแสดงผลการค้นหา
โดย Featured Snippet เปรียบเสมือนตำแหน่ง 0 เพราะอยู่เหนือเว็บอันดับอื่น ๆ ทั้งหมด และข้อมูลย่อ ๆ ซึ่ง Google SGE โชว์ในแถบแสดงผล จะเข้ามาแทนที่ Featured Snippet ทำให้ Featured Snippet หมดความสำคัญไป
3. SGE Snapshot จะมีความสำคัญมาก
SGE Snapshot คาดว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นจุดเดียวในแถบแสดงผลแบบใหม่ ซึ่งเว็บของคุณสามารถถูกเลือกไปโชว์ได้
และวิธีการที่หลายแหล่งเดา ๆ กันว่า จะทำให้ เว็บไซต์ติดที่ Snapshot ได้ ก็อย่างเช่น
- การเขียน Content ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้จริง ไว้เป็นจำนวนมาก
- การเขียน Content โดยใช้ คีย์เวิร์ดขนาดยาว หรือ Long Tail Keyword
- การเพิ่มค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือ Domain Authority
จะเห็นว่า Search Generative Experience เป็นระบบ Google AI ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะช่วยให้การหาข้อมูลง่ายและครบถ้วนยิ่งขึ้น ด้วยการแสดงข้อมูลต่าง ๆ ไว้ได้ในแถบแสดงผลเดียว แถมยังตอบคำถามที่เราอยากรู้ได้อีก
ขณะเดียวกัน Google SGE ก็มีแนวโน้มจะเป็นอุปสรรคใหม่ของการทำ SEO เพราะการแสดงผลที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ ทำให้คนไม่อยากเลื่อนดูเว็บล่าง ๆ ส่งผลให้การทำ SEO มีความสำคัญน้อยลง หรืออาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
ยังไงก็ตาม SGE ยังไม่เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ เราจึงรู้เกี่ยวกับมันไม่มากนัก แต่เดาว่า พอเปิดให้ใช้ได้แล้ว คงมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากเลย