ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ธุรกิจที่อาจโตได้
ท่ามกลางวิกฤตเงินเฟ้อ

รู้หรือเปล่า? ว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยง นั้นเติบโตขึ้นทุกปี เพราะในเดือน ๆ หนึ่ง คนเรายอมจ่ายเงินไม่น้อยเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรัก 

และเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้กัน คือถึงเงินจะเฟ้อ หรือของจะแพงขึ้น ก็ตามแต่ ตลาดสัตว์เลี้ยง ก็ยังโตได้ และนี่คือประเด็นที่เราจะพูดถึงในบทความนี้

ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย

ถึงจะฟังดูแปลก แต่จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยมหิดล ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ในประเทศไทย เติบโตเป็นพิเศษในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเศรษฐกิจชะลอตัว และคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากกว่าออฟฟิศ

และจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยเดียวกัน พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจราว 39.3% ยอมจ่ายเงินเพื่อสัตว์เลี้ยงของตัวเองถึงปีละ 10,000-20,000 บาท ซึ่งเราว่าเป็นเงินจำนวนที่ไม่น้อยเลย และสะท้อนว่าเหล่าทาสหมาหรือทาสแมวเค้ารักสัตว์เลี้ยงของเค้าจริง ๆ

จากตรงนี้ ตลาดสัตว์เลี้ยง ในประเทศไทย เลยถูกคาดว่าจะโตขึ้นอีกเรื่อย ๆ โดยกระทรวงพานิชย์ประเมินว่า ในปี 2026 ตลาดสัตว์เลี้ยงไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท

และขอบอกเลยนะ ว่าเรื่องเปย์ไม่อั้นเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่ใช่เป็นแค่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เพราะในต่างประเทศเอง เขาก็จ่ายกันมือหนักเหมือนกัน 

จากการคาดการณ์ของ Euromonitor บริษัททำแบบสำรวจชั้นนำสัญชาติอังกฤษ ตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วโลก จะเติบโตขึ้นปีละ 7.2% จนมีมูลค่าประมาณ 217.615 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2026 หรือราว ๆ 7.694 ล้านล้านบาท 

เงินเฟ้อไม่ใช่อุปสรรคของ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง

ในปี 2023 ภาวะเงินเฟ้อทำให้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีราคาสูงขึ้นในประเทศอังกฤษและอเมริกา แต่เจ้าของสัตว์เลี้ยงประเทศเหล่านี้ ก็ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไร

ในเดือนพฤษภาคม คนอังกฤษใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าปีก่อนถึง 14.4% ขณะที่คนอเมริกันใช้จ่ายมากขึ้นถึง 10.6%

โดยการที่ภาวะเงินเฟ้อไม่ส่งผล (หรือส่งผลน้อยมาก) ต่อ ตลาดสัตว์เลี้ยง นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่

บริษัทสำรวจตลาด Numerator รายงานว่า ภาวะเงินเฟ้อในอเมริกาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงของชาวอเมริกัน ยิ่งกว่านั้น บางรายยังใช้จ่ายหนักกว่าเดิมอีก เช่น กลุ่มผู้มีกำลังซื้ออาหารหมาพรีเมียม

ที่มา : usatoday

ทำไมคนยังยอมจ่ายหนักให้สัตว์เลี้ยง แม้เงินจะเฟ้อ

สำหรับคำตอบของคำถามนี้ คงหนีไม่พ้นเพราะเจ้าของรักสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาก หรือไม่ก็เพราะพวกเขามองพวกมันเป็นลูก (Pet Humanization) 

ผลสำรวจหนึ่งในปี 2023 บอกว่า 76% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวอเมริกัน มองสัตว์เลี้ยงของตัวเองเป็นลูก และในหมู่พวกเขา ยังมีบางรายที่แพลนจะใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าเดิม โดยไม่สนเรื่องของภาวะเงินเฟ้อ

สถิติน่ารู้เกี่ยวกับ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง

นอกจากสิ่งที่เราพูดถึงข้างบน ยังมีสถิติเกี่ยวกับ ตลาดสัตว์เลี้ยง ที่คุณไม่เคยรู้อีกมากมาย เช่น

• ในอเมริกา เจ้าของสัตว์เลี้ยงเจน Y มีจำนวนมากที่สุด รองลงมาเป็นเจน X และ Baby Boomer
• 42% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ซื้ออาหารสัตว์ออนไลน์
• 83% ของหมาในอเมริกา เจ้าของทำประกันสัตว์เลี้ยงให้
• หมา เป็นสัตว์ที่คนนิยมเลี้ยงมากที่สุด รองลงมาเป็นแมว ปลา และสัตว์เล็กต่าง ๆ 
• 59% ของ คนเลี้ยงสัตว์ โดยคนฟิลิปปินส์มีอัตราการเลี้ยงหมาสูงสุด รองลงมาเป็นคนจีนและคนไทย

ธุรกิจสัตว์เลี้ยง อาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของใครหลาย ๆ คน แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจกลุ่มนี้น่าสนใจมาก เพราะ ตลาดสัตว์เลี้ยง แนวโน้มจะเติบโตขึ้นทุกปี แถมยังได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อน้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ ที่พอราคาของแพงขึ้น ก็ขายของยากขึ้นเป็นเงาตามตัว

และถ้าคุณอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน เราคิดว่าการทำธุรกิจโดยอิงกับเทรนด์ต่อไปนี้ ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว

1. ผลิตออแกนิค สุขภาพของสัตว์เลี้ยง เป็นเรื่องหนึ่งที่เจ้าของใส่ใจ หลายเลยเลือกใช้ผลิตออแกนิค เพราะเชื่อว่าดีต่อสัตว์เลี้ยงของตนกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสังเคราะห์
2. อาหารสัตว์เฉพาะทาง อาหารสัตว์ที่ให้สารอาหารได้ตรงกับสายพันธุ์ของน้องหมาน้องแมว หรือสอดคล้องกับข้อจำกัดทางสุขภาพ เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังมองหาอยู่
3. ความยั่งยืน สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เป็นประเด็นที่มาแรงในปัจจุบัน โดย Nielsen รายงานว่าผู้บริโภค 92% ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งในตลาดสัตว์เลี้ยง เรื่องนี้เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ Plant-based ที่เพิ่มมากขึ้น