Featured Snippet เป็นวิธีการทำ SEO ให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับแรก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องไต่อันดับจากหน้าแสดงผลหลัง ๆ มายังหน้าแรก อย่างที่ทุกคนคุ้นเคยกัน
และในบทความนี้ เราจะบอกคุณอย่างละเอียดว่า การติด Snippet คืออะไร และทำยังไงถึงจะติด Ranking ของ SEO (ซึ่งขอบอกเลยว่าง่ายมาก ขนาดมือใหม่ยังทำได้)
Featured Snippet คืออะไร
Featured Snippet คือ ผลการค้นหาของ Google ที่แสดงผลเป็นคำตอบ (โดยไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่าน) ปกติแล้วจะอยู่ด้านบนสุดของหน้าแสดงผลการค้นหา เหนือเว็บอันดับ 1 ทำให้บางครั้งถูกเรียกว่า อันดับ 0 (Position Zero)
จากการศึกษาของ Ahrefs พบว่าเว็บไซต์ที่ติดอันดับ 0 มีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยแล้ว 20%
นอกจากนี้ หากมีเว็บไซต์ติดอันดับ 0 เว็บไซต์อันดับ 1 ในหน้าแสดงผลการค้นหาจะมียอดคลิกลดลงด้วย
สถิติโดย Ahrefs บอกว่า หากไม่มี Featured Snippet เว็บไซต์อันดับ 1 จะมี อัตราการคลิก (Click-through Rate, CTR) ที่ 26% แต่ถ้ามีอัตราคลิกจะลดลงเหลือ 19.6%
ประเภทของ Featured Snipet มีกี่รูปแบบ ?
แม้ส่วนใหญ่เราจะพบ Snippet ซึ่งเป็นข้อความสั้น ๆ หรือย่อหน้าความยาวประมาณ 5 บรรทัด แต่ความจริงแล้ว ประเภทของ Featured Snippet มีทั้งหมด 5 รูปแบบ ดังนี้
- แบบย่อหน้า (Paragraph)
- แบบเลขลำดับ (Numbered List)
- แบบไม่มีเลขลำดับ (Bullet List)
- แบบตาราง (Table)
- แบบวีดีโอ (Video)
Featured Snippet ทำยังไง
หลังรู้แล้วว่า Snippet คืออะไร ก็มาถึงส่วนของการทำแล้ว ซึ่งมีหลายวิธี และยิ่งทำหลายวิธีพร้อม ๆ กัน เว็บไซต์ของคุณก็ยิ่งมีโอกาสติดอันดับ 0 มากขึ้น
1. เลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม
ก่อนจะเขียนคอนเทนต์ หรือปรับปรุงคอนเทนต์ในเว็บไซต์ คุณต้องเลือก Keyword ที่เหมาะสมก่อน เพราะไม่ใช่ทุก Keyword จะสามารถทำให้เว็บไซต์ ติด Snippet ได้
และถ้าคุณกำลังใช้โปรแกรม Ahrefs อยู่ การเช็คว่า Keyword ไหนเหมาะกับ การทำ Feature Snippet สามารถทำได้ตามนี้
- เข้าไปที่ Keyword Explorer
- ใส่ Keyword ในกลุ่มที่อยากทำ SEO ลงไป 1 คีย์เวิร์ด แล้วกดที่รูปแว่นขยายหรือ Enter
- กด View All ตรง Terms Match
- กด SERP Features เลือก Feature Snippet แล้วกด Apply
- แล้วกด Show result
เพียงเท่านี้ คุณก็จะรู้แล้วว่า Keyword ในกลุ่มที่คุณสนใจ มีตัวไหนที่ใช้ได้บ้าง โดย Ahrefs จะโชว์ให้คุณเห็นทีละหลายตัว แบบเรียงตามจำนวนการเสิร์ช (Search Volume) ของผู้ใช้ Google
2. เน้นใช้ Long tail Keyword
หนึ่งในวิธีทำให้เว็บของคุณติด Snippet คือ การใช้ Long Tail Keyword หรือ Keyword ที่ประกอบด้วยคำเกินกว่า 3 คำขึ้นไป
โดย Long tail Keyword มักใช้เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง เฉพาะเจาะจง หรือเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน ดังนั้น การแทรก Keyword เข้าไปในเว็บไซต์ จึงมีส่วนทำให้เว็บไซต์ติด Snippet ง่ายขึ้น
แต่ถ้าไม่รู้ว่า Long tail Keyword มีลักษณะเป็นยังไง ตัวอย่างต่อไปนี้ น่าจะช่วยให้คุณเข้าใจยิ่งขึ้น
- long tail keyword คือ
- milk tea brown ผมสี ชา นม
- www starbucks co th ลง ทะเบียน
- รับ ทำ seo ราคา ถูก
- รับทำ seo ติดหน้าแรก
- ขนมไทย การ์ตูน น่า รัก ๆ
- harry styles watermelon sugar lyrics
- บิทคอยน์ เล่น ยัง ไง pantip
3. ตั้งชื่อหัวข้อย่อยเป็นคำถาม
การตั้งชื่อย่อย (H2 หรือ H3) ของบทความในหน้าเว็บเป็นคำถาม เป็นการบอก Google ว่า Google สามารถดึงข้อความจากหัวข้อนั้น ไปตอบคำถามของผู้ใช้งาน ได้
4. เขียนเนื้อหาตามฟอร์แมตของ Google
นอกจากชื่อหัวข้อแล้ว เนื้อหาของหัวข้อยังมีผลต่อการติด Snippet ด้วย โดยเนื้อหาของบทความต้องเขียนเป็นการตอบคำถาม ซึ่งมีฟอร์มตามนี้
- ข้อความแรกขึ้นต้นด้วย Keyword ตามด้วยคำว่า “คือ”
- กระชับ อ่านเข้าใจง่าย
- มีความยาวไม่เกิน 50-60 ตัวอักษร
- ไม่พูดถึงชื่อแบรนด์ในข้อความ
- ไม่ใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 อย่าง ฉัน ผม เรา พวกเรา
และถ้าอยากให้ Google แสดงผล Snippet เป็นบูลเล็ทหรือตาราง คุณก็ต้องปรับเนื้อหาของบทความเป็นบูลเล็ทหรือตารางตามฟอร์แมตนั้น ๆ
5. ดันลำดับเว็บไซต์ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ติด Snippet เป็นทางลัดในการขึ้นไปอยู่อันดับบนสุดในหน้าแสดงผลการค้นหา แต่ในเวลาเดียวกัน อันดับดั้งเดิมของเว็บไซต์ ก็มีผลต่อการเลือกแสดงผลเป็น Snippet เช่นกัน
ผลการศึกษาของ Ahrefs บอกว่า เว็บอันดับ 1 มีโอกาสติด Featured Snippet ถึง 30.9% ขณะที่เว็บอันดับ 2 และ 3 มีโอกาสติดต่ำลงมา คือ 23.5% และ 15.9% ตามลำดับ
6. เขียนคอนเทนต์ที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ
หากต้องการให้เว็บไซต์ติด Snippet คุณต้องเขียนคอนเทนต์ที่ถูกต้อง แสดงถึงความรู้ลึก รู้จริง ในเรื่องนั้น ๆ
นอกจากนี้ คอนเทนต์ของคุณยังต้องกระชับ ไม่ยืดเยื้อ อ่านแล้วทั้ง Google และคนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก
ถ้าทำตามคำแนะนำของเรา เว็บไซต์ของคุณก็จะมีโอกาสติด Snippet แต่เมื่อไรนั้น ขอบอกว่าไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน
และถ้าคุณมองว่าการติด Featured Snippet กะเกณฑ์ได้ยาก เมื่อเทียบกับ วิธีทำ SEO แบบปกติ คุณก็สามารถจ้าง THE TEPCO ช่วยแนะนำหรือปรึกษา การทำ SEO ได้
โดยบริการ รับทำ SEO ของเรา ครอบคลุมตั้งแต่การหา Keyword ปรับปรุงเว็บไซต์ ทำคอนเทนต์ รวมถึงการทำ Backlink ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับ SEO ที่สูงขึ้น รวมทั้งมียอดเข้าชมเว็บไซต์และยอดขายสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ที่สูงขึ้นตามไปด้วย