Google Bard เป็น AI Chatbot ที่เพิ่งเปิดให้ใช้งานเมื่อไม่นานมานี้ โดย Google Bard AI ใช้งานง่าย รองรับภาษาไทย จึงเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานในไทยหลาย ๆ คน
ถ้าสนใจ Bard AI อยากรู้ว่าน่าใช้หรือเปล่า? แตกต่างกับ ChatGPT ยังไง? เหมาะกับการทำ SEO หรือไม่? บทความนี้จะบอกคุณทั้งหมดเลย!
Bard คืออะไร ?
Bard คือ AI Chatbot ที่ Google คิดค้นขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูล โดย Bard มีหน้าตาคล้ายกับ ChatGPT และเป็น Conversational AI ที่เข้าใจภาษาที่เราพูดกัน สามารถพูดคุย โต้ตอบได้เหมือนมนุษย์
สำหรับโมเดลภาษาที่ Bard ใช้ คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) ตัวล่าสุด ชื่อว่า Gemini (ชื่อปัจจุบัน) ซึ่งอัปเดตปลายปี 2023 แทนที่ PaLM2 ที่พัฒนาโดย Google AI
Gemini 1.0 เป็นโมเดล AI แบบ Multimodal ที่สามารถทำความเข้าใจ Input หลายอย่าง (เช่น ข้อความ โค้ด เสียง รูปภาพ วิดีโอ) ได้ในเวลาเดียวกัน จึงสามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ สร้างข้อความได้หลายสไตล์ แถมยังแปลภาษาได้อย่างแม่นยำ
ยิ่งกว่านั้น Bard AI ยังทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ได้ ทั้ง Gmail, Google Docs, Google Drive, Google Maps และ YouTube (ฟังก์ชันนี้ยังใช้งานไม่ได้ในประเทศไทยในตอนนี้)
และถ้าสงสัยว่า Bard AI ฟรีหรือเปล่า? คำตอบคือ ฟรี และยังใช้งานได้แบบไม่จำกัดด้วย
Google Bard ใช้ยังไง ?
วิธีใช้งาน ต้องทำผ่านเว็บไซต์ https://gemini.google.com/ หรือ Extension ชื่อ Search Everywhere with Google Bard/Gemini
เมื่อกดเข้ามาแล้ว เราจะพบกับช่องแชทที่สามารถพิมพ์ข้อความหรือคำสั่งอะไรก็ได้ เพื่อให้ Bard AI แสดงผลออกมาตามที่ต้องการ
โดยความสามารถหลัก ๆ ของ Bard AI ประกอบด้วย
- การตอบคำถาม
- การแปลภาษา
- การคิด Content หรือไอเดียของ Content
- การคิด Headline ของ Content หรือ E-mail
- การค้นหาภาพหรือวิดีโอที่คุณต้องการ
ที่สำคัญ เราสามารถใช้ Google Bard ภาษาไทย ได้นะ แต่ภาษาไทยของ Google Bard ก็อยู่ในเกณฑ์ดี กระชับ เข้าใจง่าย ไม่แข็งทื้อเกินไปเหมือนกับ AI บางตัว
Bard VS ChatGPT แตกต่างกันยังไง
ถึง Bard กับ ChatGPT จะทำงานเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างหลัก ๆ อยู่หลายข้อ ตามนี้
- โมเดลภาษา ของ Bard เป็น Gemini 1.0 ส่วนของ ChatGPT เป็น GPT-3.5 กับ GPT-4 (สำหรับเวอร์ชันเสียเงิน)
- ข้อมูลที่ใช้ประมวลผล Bard ประมวลผลจากฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์โดยใช้ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตปัจจุบัน ส่วน ChatGPT ประมวลผลจากชุดฐานข้อมูลที่นำมาใช้ในการเทรนด์ถึงปี 2022 เท่านั้น
- การเข้าถึง ปัจจุบัน เจ้าของ Google Account ทุกคน ที่อายุมากกว่า 18 ปี สามารถใช้ Bard ได้ ขณะเดียวกัน ChatGPT ตัวฟรีสามารถใช้ได้ทุกคน
- การเสียเงิน Bard ใช้งานได้ฟรี ส่วน ChatGPT ใช้งานฟรีแค่เวอร์ชัน 3.5 ส่วน 4.0 ต้องเสียเงิน
Google Bard กับการทำ SEO
หลังจากที่ลองใช้ด้วย Prompt หลาย ๆ รูปแบบ เรามองว่า Bard เป็นตัวช่วยที่ไว้ใจได้ใน การทำ SEO โดย AI นี้ มีหลายประโยชน์หลายด้าน เช่น
- ช่วยคิด Headline
- ช่วยเขียน Meta Description
- ช่วยวางโครงสร้างของ SEO Content
- ช่วยเขียน Content (แค่บางส่วนหรือทั้งบทความก็ได้) โดยบางครั้งจะมี Source ข้อมูลมาให้เราด้วย
Bard ดียังไง
จากประสบการณ์ของเรา เรามองว่า Bard โดดเด่นกว่า ChatGPT ในแง่มุมต่อไปนี้
- ตอบหรือเขียนภาษาไทยได้ดีกว่า ChatGPT
- สามารถหาภาพและลิงก์วิดีโอให้ได้ (ChatGPT ทำไม่ได้)
- ในช่องตอบคำถามของ Bard มีปุ่มสำหรับปรับคำตอบให้สั้นลง ยาวกว่าเดิม หรืออ่านได้ง่ายขึ้น ซึ่งตรงนี้อาจทำให้เราได้คำตอบที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการมากขึ้น
- หากสั่ง Bard ให้ Rewrite ข้อมูล บางครั้ง จะอธิบายด้วยว่าแก้ไขอะไรไปบ้าง เพราะอะไร
- บางครั้ง Bard จะใส่ Source ของข้อมูลที่ดึงมาใช้มาให้เราด้วย
จะเห็นว่า Bard AI เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ ChatGPT รวมถึง AI Chatbot ตัวอื่น ๆ เพราะนอกจากทำงานได้เหมือนกันและทำงานได้ดีแล้ว ยังมีฟังก์ชันบางอย่างที่ Chatbot ตัวอื่นไม่มีด้วย
นอกจากนี้ เรามองว่าการมาถึงของ Bard จะทำให้การแข่งขันกันทำ SEO Content ท้าทายขึ้นกว่าเดิม เพราะใคร ๆ ก็สามารถเป็น SEO Content Writer ได้
และถ้าสงสัยว่า ทาง Google โอเคเหรอกับ SEO Content ที่เขียนด้วย AI? อัพเดตล่าสุดบอกว่า SEO Content ที่ดีไม่จำเป็นต้องเขียนด้วยคนแล้ว หรือก็คือจะเขียน AI ก็ไม่ผิด
ยังไงก็ตาม AI มักดึงข้อมูลในเน็ตมาใช้ตอบคำถาม ดังนั้น การเผยแพร่ Content ที่เขียนโดย AI โดยไม่มีการตรวจแก้เนื้อหา จะเสี่ยงให้ Google มองว่าเราสแปม Content และอาจทำให้อันดับ SEO แย่ลงได้