Audio VS Music Marketing
เสียงช่วยสร้างแบรนด์ให้คุณได้

music marketing

เลือกอ่านตามหัวข้อ

เสียงเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่แบรนด์สามารถใช้ทำการตลาดได้ โดย การทำการตลาดด้วยเสียง สามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ Audio Marketing และ Music Marketing โดยทั้ง 2 แบบนั้น แม้โดยรวมจะคล้ายกัน แต่ก็มีราย-ละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็นยังไง คุณสามารถอ่านได้จากบทความนี้

Audio Marketing VS Music Marketing ความเหมือนและความแตกต่าง 

ก่อนจะพูดถึงส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันของ Audio Marketing และ Music Marketing เรามาทำความเข้าใจความหมายของทั้งสองกันก่อนดีกว่า!

Audio marketing

Audio Marketing 

Audio Marketing คือ การโปรโมตแบรนด์ สินค้า บริการ โดยใช้เสียงเป็นเครื่องมือ ซึ่งสามารถหลายแบบ เช่น

  • Podcast
  • Live Streaming Audio เช่น Clubhouse
  • โฆษณาทางวิทยุ หรือทางแอปอย่าง Spotifym, Joox  หรือ Apple 
music marketing

Music Marketing

Music Marketing คือ กลยุทธ์การตลาด ที่มีการใช้เสียงเพลงหรือดนตรี เพื่อโปรโมตแบรนด์ สินค้า หรือบริการ หรือทำให้สิ่งเหล่านั้น โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด จนโน้มน้าวให้ผู้บริโภคอยากจดจำหรือซื้อสิ่งที่โปรโมตมากยิ่งขึ้น 

สำหรับ ตัวอย่างการทำ Music Marketing ที่พูดแล้วทุกคนน่าจะเห็นภาพกัน ก็คือการใช้ Jingle หรือเพลงโฆษณา เพื่อโปรโมตหรือทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ 

ตัวอย่าง Jingle ที่เรา ๆ คุ้นเคยกัน ก็อย่างเช่น

  • ตือ ดื๊อ ดือออ ตือ ดื๊อ ดือออ  [รถไอศกรีมวอลล์]
  • _____ 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่ [แลคตาซอย]
  • ใครๆ ก็ชอบ_____ คึกคักคึกคักกับปักกิ่ง หวานหวานมันมัน [ปักกิ่ง]
  • ปู ปู ปู ปู _____ รูปทรงกำลังพอดี อร่อยได้ทุกที่ กรอบดีถึงใจ [ปูไทย]
  • กินอะไร กินอะไร กินอะไร ไปกิน ___ [MK]
  • ไม่ว่าเวลาไหน สะดวกอร่อยได้ทุกที่ [ยูโร]

และนอกจากการประพันธ์ดนตรีหรือเพลง เพื่อใช้กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งหรือโฆษณาแล้ว การเลือกเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศในร้านค้าหรือร้านอาหาร ยังเป็นการทำ Music Marketing เช่นกัน และนี้คือ ตัวอย่างเพลงโฆษณาติดหู ที่ใครได้ยินก็ร้องอ๋อ อย่างแน่นอน

ที่มา : Ad Addict

โดยทั้งสองรูปแบบมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางเสียง เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรูปแบบก็มีความเหมือน และความแตกต่างที่สำคัญบางประการ ดังนี้

ความเหมือน

  • เป็นการใช้เสียงเป็นสื่อกลางในการส่งสารไปยังผู้บริโภค
  • สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวาง
  • สามารถสร้างความจดจำและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้

ความแตกต่าง

Audio MarketingMusic Marketing
เนื้อหาเน้นไปที่ข้อมูลและสาระสำคัญเน้นไปที่อารมณ์และความรู้สึก
รูปแบบอาจเป็นเสียงพูด เสียงประกอบ หรือเสียงเพลงเน้นไปที่เสียงเพลง
เป้าหมายเน้นไปที่การเผยแพร่ข้อมูลและสร้างการรับรู้เน้นไปที่การสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นความรู้สึก

ทำการตลาดด้วยเสียง ดีอย่างไร?

หลังเข้าใจแล้วว่า Audio Marketing และ Music Marketing ที่จะพูดถึงต่อไป ก็คือดีของการทำการตลาดด้วยเสียง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ ดังนี้

1. เข้าถึงคนจำนวนมากได้

การตลาดด้วยเสียง สามารถเข้าถึงคนจำนวนมากได้ เพราะคนจำนวนไม่น้อย ชอบฟังเพลงหรือพอดแคสต์ 

ยิ่งกว่านั้น เสียงเผยแพร่ไปยังผู้บริโภคได้ทุกที่ ทั้งบนรถไฟฟ้า ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือระหว่างฟังเพลงจากสตรีมมิง จึงมีประสิทธิภาพสูงในการเข้าถึงผู้คน

2. มีพลังกระตุ้นอารมณ์-ความรู้สึก

เสียงมีระดับสูง-ต่ำ แถมสามารถเลือกสรรคำหรือข้อความมาใช้ได้อย่างหลากหลาย การทำการตลาดด้วยเสียง จึงไม่ได้เป็นเพียงการบอกเล่าข้อมูลแบบแห้ง ๆ แต่เป็นการปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคในระดับของอารมณ์หรือจิตวิทยา ซึ่งมีพลังในการโน้มน้าวใจเหนือกว่าการบอกเล่าแห้ง ๆ อย่างเห็นได้ชัด

3. ช่วยดึงดูดผู้คนและสร้างรายได้

ถ้าประสบความสำเร็จ Audio Marketing หรือ Music Marketing จะทำให้คนรู้จักแบรนด์ สินค้า หรือบริการมากขึ้น มีคนคลิกเข้าเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียมากกว่าเดิม และที่สำคัญ คือมียอดขายจากช่องทางต่าง ๆ มากขึ้นด้วย

การทำการตลาดด้วยเสียง

ทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ ต้องรู้อะไรบ้าง

เสียงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการทำการตลาด โดยตัวอย่างของการตลาดด้วยเสียงที่ประสบความสำเร็จ ก็อย่างเช่น เสียง Jingle รถไอติมวอลล์, เสียงเพลงโฆษณาปูไทยและแลคตาซอย รวมถึงประโยคอมตะ “อยากเป็นหมอ” ของเปปทีน ซึ่งพอได้ยินปุ๊บ ก็นึกออกทันทีว่าเป็นแบรนด์อะไร

แต่การจะไปถึงจุดที่ได้ยินปุ๊บเก็ทปั๊บเลยเหมือนแบรนด์ที่กล่าวถึงไม่ใช่เรื่องง่าย 

และถ้าอยากเป็นแบบนั้นบ้าง ก็ต้องมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ตัวตนของแบรนด์  เช่น คาแร็คเตอร์ของแบรนด์ จุดแข่ง-จุดอ่อนของแบรนด์ ซึ่งสัมพันธ์กับน้ำเสียง หรือแนวทางดนตรี สำหรับทำโฆษณา
  2. เป้าหมายของการทำการตลาด เช่น เพื่อสร้างแบรนด์ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก หรือดึงคนเข้าเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย
  3. กลุ่มลูกค้า หรือคนที่คาดว่าจะสนใจและจดจำ “เสียง” ของแบรนด์
  4. รูปแบบของคอนเทนต์เสียงที่จะใช้ เช่น พอดแคสต์ โฆษณา หรือเพลง Jingle
  5. ช่องทางสำหรับทำการตลาด เช่น วิทยุ สตรีมมิง หรือรถกระจายเสียง

โดยสรุป Audio Marketing ก็คือการทำการตลาดด้วยเสียงแบบรวม ๆ ส่วน Music Marketing คือการทำการตลาดด้วยเสียง โดยเจาะจงไปที่การใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางนั่นเอง

และถึง “เสียง” จะไม่ใช่องค์ประกอบที่คนนิยมใช้ สร้างแบรนด์ แต่ “เสียง” ก็สามารถเข้าถึงทุกคนได้ แถมยังมีพลังกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งมีส่วนทำให้คนจดจำแบรนด์และอยากซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น 

บทความอื่น ๆ
DA ย่อมาจาก Domain Authority เป็น ตัวเลขที่บอกว่าเว็บเรามี ค่าความน่าเชื่อถือของโดเมน มากน้อยแค่ไหน
Ahrefs โปรแกรมทำ SEO สุดฮิต มี AI เขียนบทความ SEO ได้ด้วย
รู้รึเปล่า? การกิน ป๊อปคอร์น ทำให้เราจำชื่อแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ยากขึ้น
การตลาดออนไลน์ Digital marketing Thetepco

หากสนใจ
บริการของเรา

การตลาดออนไลน์ เวลาทำการ

เวลาทำการ

จันทร์ – ศุกร์

10:00 น. – 19:00 น.

Copyright © 2023 THE TEPCO Co.,Ltd. All Rights Reserved.

Scroll to Top

ให้ เดอะเท็ปโค่ พาคุณไปสู่เป้าหมายทางธุรกิจ

เราจะทำการตอบกลับให้เร็วที่สุด